โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ในทุกช่วงวัย แต่ในปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานกลายเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคซิฟิลิส คืออะไร?
โรคซิฟิลิสเป็น (Syphilis)โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum โรคนี้สามารถติดต่อได้ผ่าน
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก และปาก
- การสัมผัสแผลที่ติดเชื้อ
- การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในระหว่างการตั้งครรภ์หรือการคลอด
โรคซิฟิลิสมีลักษณะเฉพาะ คือ การดำเนินโรคเป็นระยะ หากไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลาม และสร้างความเสียหายต่ออวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ สมอง และระบบประสาท
ความเสี่ยงในกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน
- พฤติกรรมเสี่ยง
- การมีคู่นอนหลายคน
- การไม่ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- การใช้สารเสพติดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ
- การขาดความรู้
- ขาดการเรียนรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- การไม่ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ
- การเข้าถึงการรักษาที่จำกัด
- ความอายหรือกลัวที่จะขอคำปรึกษาจากแพทย์
- การขาดแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือในบางพื้นที่
ระยะของโรคซิฟิลิส
โรคซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 4 ระยะ แต่ละระยะมีลักษณะอาการแตกต่างกัน
- ระยะแรก (Primary Syphilis)
- มีแผลริมแข็ง (Chancre) ที่บริเวณที่สัมผัสเชื้อ เช่น อวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก
- แผลไม่เจ็บ และหายได้เองใน 3-6 สัปดาห์
- ระยะที่สอง (Secondary Syphilis)
- มีผื่นขึ้นตามร่างกาย โดยเฉพาะที่ฝ่ามือ และฝ่าเท้า
- อาการไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต
- ผื่น และอาการมักหายไปเอง แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย
- ระยะแฝง (Latent Syphilis)
- ไม่มีอาการ แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย
- แบ่งเป็นระยะต้น (Early latent) และระยะปลาย (Late latent)
- ระยะสุดท้าย (Tertiary Syphilis)
- เกิดหลังจากการติดเชื้อหลายปีหากไม่ได้รับการรักษา
- ส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หัวใจ และหลอดเลือด
- อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต

การวินิจฉัย และการรักษาโรคซิฟิลิส
- การวินิจฉัย
- ตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดีต่อเชื้อ Treponema pallidum
- การตรวจร่างกายเพื่อตรวจสอบแผลหรือผื่นที่สงสัย
- การตรวจเพิ่มเติมในกรณีที่โรคลุกลาม เช่น การเจาะน้ำไขสันหลัง
- การรักษา
- ยาปฏิชีวนะเพนิซิลลิน (Penicillin) เป็นยามาตรฐานที่ใช้รักษาโรคซิฟิลิส
- การติดตามผล: ผู้ป่วยควรเข้ารับการตรวจซ้ำตามแพทย์นัดเพื่อตรวจสอบว่าการรักษาได้ผลสมบูรณ์
- การรักษาคู่นอน: ควรรักษาพร้อมกันเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย และการติดเชื้อซ้ำ
วิธีป้องกันโรคซิฟิลิส
- ใช้ถุงยางอนามัย การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตรวจสุขภาพทางเพศประจำปี ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงควรตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ และหญิงตั้งครรภ์ควรตรวจซิฟิลิสเพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไปยังทารก
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย และหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในขณะมึนเมา
- ให้ความรู้ และสร้างความตระหนัก การเรียนรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ช่วยป้องกัน และลดอัตราการแพร่กระจาย
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
- ทุกเรื่องเกี่ยวกับ STI/STD จากการป้องกันสู่การรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
- การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ : รู้ให้ครบ ตรวจให้ชัวร์ สุขภาพปลอดภัย
โรคซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถป้องกัน และรักษาได้หากได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ในกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพ การใช้ถุงยางอนามัย และการเรียนรู้เกี่ยวกับโรคอย่างถูกต้อง
สุขภาพทางเพศที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เริ่มต้นดูแลตัวเอง และเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอ คุณก็สามารถลดความเสี่ยง และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับตนเองแ ละคนรอบข้างได้!